หมวดหมู่: แบงก์พาณิชย์

KPBตรีพล


3 เรื่องควรรู้เกี่ยวกับ Private Equity หนึ่งในการลงทุนที่น่าจับตาแห่งยุค

สินทรัพย์ทางเลือกที่ช่วยเพิ่มเติมผลตอบแทนให้พอร์ตการลงทุน

          ความผันผวนทางเศรษฐกิจซึ่งเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงสร้างผลกระทบต่อตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลก บรรดานักลงทุนยังคงเผชิญกับความเสี่ยงในการลงทุนและอัตราผลตอบแทนคาดหวังที่เปลี่ยนไปจากภาวะปกติ โดยสินทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Asset Class) อย่าง สินทรัพย์ตราสารทุนนอกตลาด หรือ หุ้นนอกตลาด (Private Equity) จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะโดยเฉลี่ยระยะยาวหุ้นโลกที่อยู่นอกตลาดสามารถให้ผลตอบแทนมากกว่าหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ถึง 2.7%ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และผลตอบแทนของหุ้นนอกตลาดในตลาดเกิดใหม่และจีนสูงกว่านั้นมาก

          ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ Private Banking Business Head Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่านอกจาก Private Equity จะมีศักยภาพในการสร้างความเติบโตให้พอร์ตการลงทุน และผลตอบแทนที่ดีในทุกภาวะเศรษฐกิจแล้ว ยังช่วยเปิดโอกาสให้กับธุรกิจที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงธุรกิจเกิดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสามารถปรับตัวให้เข้ากับเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) ได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนจากผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ในการพัฒนาธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม ส่วนธุรกิจรูปแบบเดิมก็จะได้รับการสนับสนุนทั้งในแง่ของการให้คำแนะนำ และการระดมทุนของบรรดานักลงทุนและพาร์ตเนอร์ เพื่อช่วยพัฒนานวัตกรรมให้สามารถกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง” 

          รายงานของ Deloitte คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 สินทรัพย์ภายใต้การจัดการของ Private Equity ทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 5.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ Private Equity จะเป็นสินทรัพย์ทางเลือกมีความสำคัญมากในพอร์ตนักลงทุนทั่วโลก KBank Private Banking จึงขอแนะนำ 3 เรื่องที่นักลงทุนควรรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ประเภทนี้ ก่อนตัดสินใจลงทุน

          1. ลงทุนในหุ้นนอกตลาด คาดหวังกำไรในระยะยาว

          การลงทุนใน Private Equity คือการลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยส่วนมากจะเป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาไม่นาน ยังไม่มีรายได้ หรือมีรายได้แล้วแต่ยังไม่มีกำไร จึงต้องใช้ช่องทางการระดมทุน ผ่านการขายหุ้นนอกตลาดให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสูงและสามารถล็อกเงินลงทุนได้ในระยะยาว โดยนักลงทุนจะคาดหวังการทำกำไรในอนาคต เมื่อบริษัทนอกตลาดนำหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือขายหุ้นต่อให้ผู้ลงทุนรายอื่น

          ดร.ตรีพล อธิบายว่าแนวทางการลงทุนในกองทุน Private Equity ในไทยจะเริ่มที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จะนำเงินไปพักอยู่ในกองสินทรัพย์สภาพคล่องสูง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ก็จะทยอยถูกเรียกออกมาจากกองสินทรัพย์สภาพคล่องสูงนี้ ไปลงทุนในกองทุนหลัก ซึ่งก็จะลงในบริษัทต่างๆ ต่อไป กองทุนมีระยะเวลาที่ได้มีการตกลงกันไว้ที่จะลงทุนในบริษัทต่างๆ จนครบและขายบริษัทเหล่านั้นเมื่อมีผลตอบแทนที่เหมาะสม และกองทุนหลักจะส่งผลตอบแทนกลับมายังกองทุนของบลจ. และบลจ. ก็จะส่งกำไรให้นักลงทุนเป็นลำดับถัดไป” 

          2. ประเมินราคาหุ้นจากปัจจัยพื้นฐานจริง ราคาจึงแกว่งตัวน้อย

          Private Equity เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนที่ดีกว่าและมีความผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์อื่นๆ ในระยะยาว ด้วยราคาที่แกว่งตัวน้อย ช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตให้ลดลงและเนื่องจากเป็นการลงทุนในกองทุนนอกตลาด ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้อิงอยู่กับการเก็งกำไรรายวันจากนักลงทุน แต่ราคาจะถูกประเมินจากปัจจัยพื้นฐานจริงๆ ของบริษัท พร้อมกับมีที่ปรึกษา ซึ่งมีความเชี่ยวชาญเฉพาะเข้ามาช่วยให้คำแนะนำการลงทุนและคัดเลือกดีลหรือบริษัทที่มีความโดดเด่นต่อการลงทุน จึงทำให้สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีอย่างสม่ำเสมอกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วไป

          ดร.ตรีพล ให้มุมมองเสริมว่าสำหรับในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวเช่นปัจจุบัน การลงทุนใน Private Equity กลับมามีความน่าสนใจอีกครั้ง เนื่องจากหลายธุรกิจขาดสภาพคล่องและกำไรลดลง ทำให้มีบริษัทที่ต้องการขายและต้องการเพิ่มทุนจำนวนมาก ดังนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับการลงทุนใน Private Equity ที่จะสามารถเข้าไปซื้อบริษัทที่ดีในราคาที่ต่ำลงเพื่อที่จะนำมาเสริมศักยภาพให้เติบโตและสามารถขายในราคาที่สูงขึ้นได้” 

          3. ควรกระจายการลงทุนหลากหลาย และมีผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญ

          การลงทุนในกองทุน Private Equity ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยองค์ประกอบหลากหลาย ดร.ตรีพล แนะนำว่านักลงทุนต้องมีระยะเวลาการลงทุนที่นานประมาณ 7-10 ปี และกองทุนควรมีการกระจายลงทุนในหลากหลายธุรกิจ ในขณะเดียวกัน เนื่องจากกองทุน Private Equity เป็นการลงทุนในบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทำให้การเข้าถึงข้อมูลทำได้จำกัด ดังนั้น การมีผู้จัดการกองทุนที่มีความรู้ความสามารถในการเฟ้นหาธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตได้ และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำธุรกิจ จึงมีความสำคัญมาก ยิ่งไปกว่านั้น กองทุนควรมีการแบ่งปันผลกำไรที่เหมาะสมระหว่างบริษัทผู้จัดการกองทุนและและนักลงทุนอีกด้วย” 

          “การลงทุนในกองทุน Private Equity เป็นสิ่งที่น่าจับตาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันราคาหุ้นโลกปรับตัวสูงขึ้น การกระจายความเสี่ยงเข้าไปลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพแต่ยังมีการเข้าลงทุนน้อยอยู่จึงมีส่วนช่วยสร้างการเติบโตของพอร์ตการลงทุนได้ ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนดังกล่าวยังเป็นการสนับสนุนให้ทั้งธุรกิจเก่าและใหม่มีเงินทุนในการพัฒนา ปรับตัว และสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายหลังวิกฤตได้ต่อไปดร.ตรีพล กล่าวปิดท้าย

 

A10210

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!