หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 7


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.ทุนธนชาต’ ที่ ‘A’ แนวโน้ม ‘Stable’

       ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ’A’ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงความหลากหลายของแหล่งที่มาของผลกำไรของบริษัท ภาระหนี้สินทางการเงินที่อยู่ในระดับต่ำ และสถานะด้านความเสี่ยงที่อยู่ในระดับดี

       นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทในธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

แหล่งที่มาของผลกำไรมีความหลากหลาย

           การประเมินสถานะทางธุรกิจของบริษัทสะท้อนถึงแหล่งที่มาของกำไรที่หลากหลายซึ่งครอบคลุมถึงธุรกิจธนาคารพาณิชย์และธุรกิจด้านการเงินอื่นๆ อันประกอบด้วยธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจสินเชื่อที่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกัน ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ธุรกิจประกัน และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เป็นต้น บริษัทมีบริษัทย่อยที่สำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัท ราชธานีลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) และบริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน)  สำหรับธุรกิจธนาคารพาณิชย์นั้น บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 22% ในธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ในประเทศไทย บริษัทยังได้จัดตั้งบริษัทลูกที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดเพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อที่มีสินทรัพย์เป็นหลักประกันอีก 1 แห่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ธนชาต พลัส จำกัด อีกด้วย โดยบริษัทดังกล่าวเน้นให้บริการสินเชื่อแก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises -- SMEs) ซึ่งมีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันเป็นหลัก

           นอกจากบริษัทจะมีโครงสร้างธุรกิจที่มีความหลากหลายแล้ว ยังมีหลักฐานของความร่วมมือทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นระหว่างบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยของบริษัทธนชาตประกันภัยให้แก่ลูกค้าของบริษัทราชธานีลิสซิ่ง และธนาคารทหารไทยธนชาต เป็นต้น

มีความเชี่ยวชาญในด้านการให้สินเชื่อเพื่อสนับสนุนธุรกิจใหม่

           ทริสเรทติ้ง มองว่า การจัดตั้งบริษัทธนชาต พลัส เป็นพัฒนาการในเชิงบวกเนื่องจากทริสเรทติ้งเชื่อว่าจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางธุรกิจโดยรวมของบริษัทในระยะยาว ทริสเรทติ้งยังตระหนักถึงความเชี่ยวชาญที่มีมาอย่างยาวนานของผู้บริหารในธุรกิจสินเชื่อซึ่งน่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้านเครดิตให้แก่บริษัทได้ ซึ่งในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าธุรกิจใหม่นี้จะช่วยให้บริษัทนำสภาพคล่องส่วนเกินมาใช้ได้ดีขึ้นด้วยการสร้างผลตอบแทนหลังการปรับความเสี่ยงโดยเฉลี่ยแล้วในระดับที่สูงขึ้น นับตั้งแต่การก่อตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2564 พอร์ตสินเชื่อของบริษัทธนชาต พลัส ก็มีมูลค่าถึงประมาณ 1 พันล้านบาทแล้วและยังมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องโดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดของธนาคารพาณิชย์สำหรับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ภาระหนี้สินทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ

           บริษัทมีระดับภาระหนี้สินทางการเงินอยู่ในระดับต่ำโดยวัดจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในจุดแข็งด้านเครดิตที่สำคัญของบริษัท ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทอยู่ที่ระดับ 0.94 เท่าโดยเทียบกับระดับ 0.93 เท่า ณ สิ้นปี 2563

       ทริสเรทติ้ง คาดว่าบริษัทจะรักษาระดับภาระหนี้สินทางการเงินภายใต้งบการเงินรวมให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 1.50 เท่าต่อไปได้โดยอยู่ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งที่คาดการณ์ว่าหุ้นกู้คงค้างของบริษัททั้งหมดจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.3 หมื่นล้านบาทในช่วง 2 ปีข้างหน้าและนโยบายการจ่ายเงินปันผลจะยังคงเป็นอัตราแบบก้าวหน้า (Progressive Dividend Payout Policy) ต่อไป

ความหลากหลายเป็นปัจจัยสนับสนุนผลกำไร

           ถึงแม้ว่า สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจจะมีความท้าทาย แต่บริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานที่มีเสถียรภาพโดยได้รับแรงหนุนจากโครงสร้างธุรกิจที่มีความหลากหลาย ทั้งนี้ ในมุมมองของทริสเรทติ้งเห็นว่าธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทไม่ว่าจะเป็นธุรกิจตลาดทุน ลีสซิ่ง และประกันวินาศภัยนั้นยังคงเป็นแหล่งรายได้ที่ดีซึ่งเป็นผลมาจากสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจเหล่านี้และการบริหารความเสี่ยงที่มีความรอบคอบ

           ทริสเรทติ้ง คาดว่า อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ย (ROAA) ตามปกติของบริษัทจะฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.5%-4.2% ในระหว่างปี 2564-2565 จากระดับ 3.2% ในปี 2563 ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานที่เศรษฐกิจโดยรวมจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 2 ปีข้างหน้า ทริสเรทติ้งคาดว่าสินเชื่อของธนาคารทหารไทยธนชาตและบริษัทราชธานีลิสซิ่งจะค่อย ๆ กลับมาขยายตัวเช่นเดิม

           นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดการณ์ด้วยว่าต้นทุนทางด้านเครดิตของบริษัทจะลดลงและการควบคุมต้นทุนจะทำได้ดีขึ้นหลังจากที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้ทำการควบรวมกันโดยสมบูรณ์แล้ว ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังคาดด้วยว่าบริษัทธนชาตประกันภัยจะมีผลการดำเนินงานทางการเงินที่ดีถึงแม้ว่าจะได้รับแรงกดดันในเรื่องต้นทุนจากการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในช่วงเวลา 2-3 ปีข้างหน้า

สถานะด้านความเสี่ยงยังคงอยู่ในระดับที่ดี

           ทริสเรทติ้ง มองว่า วิถีขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวังยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนสถานะความเสี่ยงที่อยู่ในระดับเพียงพอของบริษัท ทั้งนี้ ที่ผ่านมาทั้งธนาคารทหารไทยธนชาตและบริษัทราชธานีลิสซิ่งต่างก็สามารถบริหารจัดการความเสี่ยงด้านเครดิตที่เกิดจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ที่ยืดเยื้อมาได้ ในการนี้             

           ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าบริษัทย่อยทั้งสองแห่งดังกล่าวได้ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดของวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2564-2564 มาแล้วและมีแนวโน้มที่จะมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นในปี 2565 จากการที่ภาวะเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาตามลำดับ สำหรับ บล. ธนชาตนั้น ความสามารถในการจัดการความเสี่ยงจากเงินให้กู้เพื่อซื้อหลักทรัพย์ก็สามารถพิสูจน์ได้จากการไม่มีการสูญเสียด้านเครดิตจากธุรกิจให้กู้เพื่อซื้อหลักทรัพย์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเลย

           ส่วนบริษัทธนชาตประกันภัยนั้น ก็ยังคงใช้กลยุทธ์การเติบโตที่ระมัดระวังโดยหลีกเลี่ยงให้บริการลูกค้าในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนของบริษัทธนชาตประกันภัยอยู่ที่ระดับ 1,313% ซึ่งสูงกว่าระดับขั้นต่ำตามกฎข้อบังคับที่ 120%

สถานะเงินทุนและสภาพคล่องอยู่ในระดับที่เพียงพอ

           ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะรักษาสถานะเงินทุนให้อยู่ในระดับที่เพียงพอได้ต่อไปในช่วง 12 เดือนข้างหน้าโดยทริสเรทติ้งพิจารณาจากค่าเฉลี่ย 5 ปีของอัตราส่วนเงินทุนที่มีเสถียรภาพ (Stable Funding Ratio -- SFR) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ 125% ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ความต้องการเงินทุนที่มีเสถียรภาพ (Stable Funding Needs -- SFN) ของบริษัทประกอบด้วยเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในสัดส่วน 63% เงินกู้ยืมในส่วนที่ไม่หมุนเวียน 32% และทรัพย์สินรอการขาย 4% ในขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 67% ของแหล่งเงินทุนที่มีเสถียรภาพ (Available Stable Funding) ของบริษัท และส่วนที่เหลือประกอบด้วยหุ้นกู้ระยะยาวที่มีอายุครบกำหนดที่มีความหลากหลาย

           สำหรับ ในส่วนของบริษัททุนธนชาตเองนั้น แหล่งเงินทุนที่เป็นเงินกู้ระยะสั้นประกอบด้วยเงินกู้ยืมระหว่างธนาคาร และในส่วนของแหล่งเงินกู้ระยะยาวนั้น บริษัทมีหุ้นกู้คงค้างอยู่ที่จำนวน 1.07 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 สัดส่วนหนี้ที่มีสิทธิได้รับการชำระคืนก่อน (Priority Debt) เมื่อเทียบกับหนี้สินรวมตามงบการเงินรวมอยู่ที่ระดับ 78% ณ เดือนมิถุนายน 2564

           ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้ที่มีสิทธิได้รับการชำระคืนก่อนเมื่อเทียบกับหนี้สินรวมตามงบการเงินรวมที่อยู่ในระดับสูงเกินกว่า 50% นั้นโดยปกติจะทำให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันลดทอนลงจากอันดับเครดิตองค์กรของบริษัท 1 –ขั้นตาม “เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้’ ของทริสเรทติ้ง

           อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งมองว่าเงินลงทุนจำนวนมากของบริษัทในธนาคารทหารไทยธนชาตทำให้โอกาสในการได้รับชำระหนี้คืนของเจ้าหนี้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้น บริษัทจึงได้รับการยกเว้นในการปรับลดอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท

           ทริสเรทติ้ง ประเมินว่า สถานะสภาพคล่องของบริษัทจะอยู่ในระดับที่เพียงพอในอีก 12 เดือนข้างหน้า ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี (ปี 2562-2566) ของอัตราส่วนความครอบคลุมของสภาพคล่อง (Liquidity Coverage Measure -- LCM) ของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 170% โดย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2563 แหล่งที่มาของสภาพคล่องจำนวนมากของบริษัทประกอบด้วยหลักทรัพย์รัฐบาลและรัฐวิสาหกิจระยะสั้น ตราสารหนี้ภาคเอกชน และเงินกู้ยืมระหว่างธนาคารรวมกันอยู่ที่จำนวน 7.1 พันล้านบาท

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

           สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งซึ่งส่วนหนึ่งได้รับมาจากบริษัทย่อยที่สำคัญของบริษัทสำหรับในช่วง 3 ปีข้างหน้าตั้งแต่ปีบัญชี 2564 จนถึงปีบัญชี 2566 เป็นดังนี้

  • รายได้รวม (ไม่รวมรายการพิเศษ) จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปที่ระดับประมาณ 10% ต่อปี
  • ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะคิดเป็นประมาณ 30% ของรายได้จากการดำเนินงานทั้งหมด
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้รวมจะอยู่ที่ระดับ 28% โดยเฉลี่ย
  • หุ้นกู้คงค้างเฉพาะในส่วนของบริษัทจะมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.3 หมื่นล้านบาท

แนวโน้มอันดับเครดิต

           แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่า บริษัทจะสามารถรักษาภาระหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับต่ำ โดยมีการบริหารความเสี่ยงที่เข้มงวดและมีแหล่งที่มาของรายได้ที่กระจายตัวรวมถึงมีสถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่อยู่ในเกณฑ์ดี

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

           ความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตยังมีจำกัดในระยะใกล้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับลดลงหากฐานทุนของบริษัทตลอดจนสถานะแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้, 15 มิถุนายน 2564

- เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร, 17 กุมภาพันธ์ 2563

บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP)

อันดับเครดิตองค์กร:

A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TCAP22NA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565

A

TCAP238A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

TCAP23OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

A

TCAP258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 900 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

A

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

 

 
 

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com  

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

           © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2564 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

           ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

 

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

 

EXIM One 720x90 C J

BITKUB Ad

SAM720x100px bgGC 790x90

smed banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!