หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 9


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน ‘บ.ไทยเบฟเวอเรจ’ ที่ ‘AA’แนวโน้ม ‘Stable’

        ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ ‘AA’ พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะผู้นำของบริษัทในตลาดเครื่องดื่มในภูมิภาคจากการที่บริษัทมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งและมีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการแสดงความตั้งใจอย่างจริงจังของบริษัทที่จะปรับลดภาระหนี้ลง อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดจากภาระหนี้ที่สูงของบริษัท ตลอดจนสภาวะการแข่งขันที่รุนแรง กฎระเบียบที่เข้มงวด และการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตในธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยที่มีบ่อยครั้ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

        รายได้จะฟื้นตัวหลังผลกระทบจากโรคโควิด 19 และกฎระเบียบใหม่ในประเทศเวียดนาม

รายได้ภายในประเทศของบริษัทได้รับผลกระทบหลังจากที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการปิดเมืองโดยห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปิดสถานบันเทิง เช่น ผับและบาร์ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีการเงิน 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายในประเทศของบริษัทจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2563 หลังจากที่รัฐบาลได้ยกเลิกมาตรการปิดเมือง โดยทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายในประเทศของบริษัทจะทรงตัวในปีการเงิน 2563 และจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ในช่วงปีการเงิน 2564-2565

        ในปีการเงิน 2563 รายได้จากการจำหน่ายเบียร์ในประเทศเวียดนามลดลงอย่างมากหลังจากที่รัฐบาลเวียดนามได้เริ่มนำกฎหมายห้ามการขับรถขณะมึนเมาฉบับใหม่มาใช้ซึ่งมีบทลงโทษที่รุนแรงเมื่อมีการฝ่าฝืน ส่งผลให้ตลาดเบียร์ในประเทศเวียดนามหดตัวอย่างมากหลังจากที่กฎหมายฉบับใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้

        นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังได้ใช้มาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ด้วย เมื่อพิจารณาจากผลกระทบต่างๆ ดังกล่าวแล้ว ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของ Saigon Beer-Alcohol-Beverage Corporation (Sabeco) จะลดลงประมาณ 20% ในปีการเงิน 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของ Sebeco จะปรับฟื้นตัวประมาณ 5%-10% ในช่วงปีการเงิน 2564-2565 เนื่องจากผู้บริโภคชาวเวียดนามมีการปรับพฤติกรรมการดื่มให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่และรัฐบาลเวียดนามได้ยกเลิกมาตรการปิดเมืองเมื่อสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้แล้ว

        เพื่อรับมือกับผลกระทบจากโรคโควิด 19 และยอดขายเบียร์ในประเทศเวียดนามที่ลดลงอย่างมาก บริษัทจึงได้มีการควบคุมต้นทุนอย่างรัดกุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ส่งผลให้อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 18.2% ในช่วงครึ่งแรกของปีการเงิน 2563 เมื่อเทียบกับระดับ 16.6% ในปีการเงิน 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 17%-18% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

สถานะที่แข็งแกร่งในตลาดและโอกาสในการเติบโตของยอดขายในต่างประเทศ

        บริษัทมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดแต่ละแห่งที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินงาน สำหรับในประเทศไทยนั้น บริษัทเป็นผู้ประกอบธุรกิจเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดซึ่งครองส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาเป็นเวลานาน โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดตามปริมาณการจำหน่ายสุรามากกว่า 90% และเบียร์เกือบ 40% นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้นำในตลาดชาพร้อมดื่มและน้ำดื่ม อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายสำคัญในกลุ่มเครื่องดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อีกด้วย

        สำหรับ ตลาดต่างประเทศนั้น Sabeco เป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดในประเทศเวียดนามซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 35%-40% ในขณะที่ Grand Royal Group (GRG) ก็เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสุราสีรายใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 75% ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังคงรักษาสถานะที่แข็งแกร่งทางการตลาดเอาไว้ได้จากการมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งและเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง

        การขยายธุรกิจไปในประเทศเมียนมาและเวียดนามช่วยให้บริษัทลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดภายในประเทศลงได้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีการเงิน 2563 รายได้จากต่างประเทศมีสัดส่วนคิดเป็น 23% ของยอดขายรวม แม้ว่าความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายในต่างประเทศในบางปี แต่ทริสเรทติ้งก็ยังคงเชื่อว่ารายได้ในตลาดต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ในประเทศ โดยตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศเมียนมาและเวียดนามยังไม่อิ่มตัวและมีแนวโน้มเติบโตที่ดีกว่ามากเมื่อเทียบกับประเทศไทยเนื่องจากอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการขยายตัวและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังมีประชากรที่มีอายุค่อนข้างน้อยด้วย ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าสัดส่วนรายได้ที่มาจากนอกประเทศไทยจะเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดภายในประเทศ

มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่กว้างขวาง

        บริษัทได้สร้างเครือข่ายการกระจายสินค้าที่กว้างขวางซึ่งครอบคลุมร้านค้าปลีกในประเทศไทยมากกว่า 400,000 ร้าน โดยมีศูนย์กระจายสินค้าขนาดใหญ่ 4 แห่งและมีรถขนส่งสินค้าจำนวน 7,000 คัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีช่องทางจำหน่ายผ่านตัวแทนที่มีประสิทธิภาพอีกประมาณ 300 รายและมีพนักงานขายมากกว่า 1,700 คน อีกทั้งยังขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียนผ่านบริษัทในเครือที่สำคัญๆ ด้วย อาทิ Fraser and Neave Ltd. (F&N) ซึ่งมีสถานะที่แข็งแกร่งในตลาดของตนเองในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์ ส่วนการซื้อกิจการล่าสุดดังที่กล่าวมาแล้วคือ Sabeco และกลุ่ม GRG นั้นก็ช่วยเพิ่มเครือข่ายในการกระจายสินค้าในประเทศเมียนมาและเวียดนาม

กฎระเบียบภาครัฐจำกัดการเติบโตในประเทศ

        การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการควบคุมดูแลที่เข้มงวดของภาครัฐโดยมีกฎระเบียบต่าง ๆ อาทิ การจำกัดการโฆษณาและการทำกิจกรรมทางการตลาด การกำหนดเวลาในการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น กฎระเบียบดังกล่าวทำให้การเพิ่มยอดขายและการทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ กระทำได้ยากแม้ว่าจะมีการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างมากก็ตาม นอกจากนี้ การเก็บภาษีสรรพสามิตยังเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ภาครัฐนำมาใช้เพื่อลดปริมาณการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย โดยภาครัฐมีการขึ้นภาษีสรรพสามิตค่อนข้างบ่อย ทั้งนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการขึ้นภาษีสรรพสามิตถึง 5 ครั้ง ในอดีตนั้นบริษัทสามารถรักษาอัตราการทำกำไรโดยการส่งผ่านภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นให้แก่ผู้บริโภคซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายลดลงชั่วคราว

        อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสินค้าที่มีความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาที่อยู่ในระดับต่ำ อัตราการทำกำไรหรือปริมาณการจำหน่ายของบริษัทจึงมีโอกาสที่จะสูงมากกว่าระดับในปัจจุบันหากมีการขึ้นภาษีสรรพสามิตที่ไม่บ่อยเกินไป ส่วนในประเทศเวียดนามนั้น รัฐบาลเวียดนามได้มีการบังคับใช้ฎหมายห้ามการขับรถขณะมึนเมาฉบับใหม่ที่มีบทลงโทษรุนแรง โดยการบังคับใช้กฎหมายใหม่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะยอดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สำหรับการดื่มนอกบ้าน บริษัทเชื่อว่าการบริโภคแอลกอฮอล์ในประเทศเวียดนามจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเนื่องจากผู้บริโภคจะปรับพฤติกรรมการบริโภคให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่

คาดว่าภาระหนี้จะลดลง

        ทริสเรทติ้ง คาดว่า ภาระหนี้ของบริษัทจะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 3 ปี ข้างหน้า ทั้งนี้ ภาระหนี้ที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ระดับ 2.183 แสนล้านบาทในปีการเงิน 2561 และปรับตัวลดลงเป็น 2.054 แสนล้านบาทในปีการเงิน 2562 ทริสเรทติ้งคาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะค่อยๆ ลดลงสู่ระดับระหว่าง 1.8-1.7 แสนล้านบาทในปีการเงิน 2565 และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 5 หมื่นล้านบาทในปีการเงิน 2565 เมื่อเทียบกับระดับ 4.46 หมื่นล้านบาทในปีการเงิน 2562

        ทั้งนี้ ทริสเรทติ้ง คาดว่า บริษัทจะไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เงินกู้จำนวนมากในช่วง 3 ปีข้างหน้าเนื่องจากผู้บริหารของบริษัทได้แสดงถึงความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะทำการลดภาระหนี้ลง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากความตั้งใจดังกล่าวแล้ว ทริสเรทติ้งจึงคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับประมาณ 3.5 เท่าในปีการเงิน 2565 นอกจากนี้ บริษัทอาจจะสามารถลดภาระหนี้ได้เร็วกว่าประมาณการพื้นฐานของทริสเรทติ้งหากแผนการปรับมูลค่าสุทธิของกิจการ (Enterprise Value) ของบริษัท เช่น การจดทะเบียนธุรกิจเบียร์ในตลาดหลักทรัพย์ประสบความสำเร็จ

สถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง

        บริษัทมีสถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง โดย ณ เดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีแหล่งเงินทุนซึ่งประกอบด้วยเงินสดจำนวน 2.56 หมื่นล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงานที่ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ไม่มีข้อผูกมัดจากสถาบันการเงินต่างๆ อีกประมาณ 4.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังจัดหาวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินแล้วอีกจำนวน 4 หมื่นล้านบาทเพื่อใช้ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดอีกด้วย เมื่อรวมสภาพคล่องทั้งหมดของบริษัทแล้วคาดว่า จะเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้และการลงทุนของบริษัทในระยะ 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้สินระยะยาวที่จะต้องชำระประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ในขณะที่ ณ เดือนมีนาคม 2563 บริษัทมีภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทได้วางแผนในการใช้งบลงทุนไว้ที่จำนวนประมาณ 6.5 พันล้านบาทในปีการเงิน 2564 อีกด้วย

        ทริสเรทติ้ง เชื่อว่า บริษัทจะสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของหุ้นกู้ได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2563 อยู่ที่ 1.38 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ที่ 3 เท่า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในระหว่างปีการเงิน 2563-2565 ดังต่อไปนี้

  • รายได้จะลดลงประมาณ 5% ในปีการเงิน 2563 และจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3%-4% ระหว่างปีการเงิน 2564-2565
  • อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับประมาณ 17%-18%
  • งบประมาณการลงทุนจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงประมาณการ
  • อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจะค่อย ๆ ลดลงสู่ระดับ 3.5 เท่าในปีการเงิน 2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

        แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำรงสถานะผู้นำทั้งในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในประเทศและต่างประเทศได้ต่อไป อีกทั้งจะยังคงสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งซึ่งจะทำให้ภาระหนี้ลดลงได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

        อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทปรับลดต่ำกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจปรับลดลงหากทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะไม่สามารถลดภาระหนี้ได้ตามเป้าหมายและอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ที่ระดับเกินกว่า 3.5 เท่าเป็นเวลานาน

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป,  26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ThaiBev)

อันดับเครดิตองค์กร:

AA

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

TBEV213A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564

AA

TBEV233A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566

AA

TBEV253A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 9,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568

AA

TBEV283A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 14,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571

AA

TBEV213B: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 31,600 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564

AA

TBEV243A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 11,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567

AA

TBEV293A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 10,100 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572

AA

แนวโน้มอันดับเครดิต:

Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com 

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.  โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

        © บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

FBS728

EXNESS

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!